Reading hadn't been exhausting, but now it is
เมื่อผมยังอายุหกปี แม่(คนเก่า)ของผมได้บังคับให้อ่านหนังสือหนึ่งเล่ม ความทรงจำมันเริ่มเลือนลาง ผมจึงจำไม่ได้ว่าหนังสือชื่ออะไร แต่มีสิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแน่นอน คือการที่แม่คนนั้นของผมบังคับให้ผมพูดสิ่งที่กำลังอ่านออกมา ไม่ยอมให้อ่านในใจ
มันเป็นประสบการณ์ที่แย่มากในการเริ่มอ่านหนังสือครั้งยังเป็นเด็ก
สองปีผ่านไป ผมอยู่ดีๆ เกิดสนใจวิทยาศาสตร์ หลังจากพ่อแม่ได้หย่ากัน (พวกเขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันหรอกนะครับ) และย้ายมากรุงเทพอันเป็นสถานที่เกิด พ่อของผมในวันหยุดได้พาไปท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ และมันน่าตื่นตาตื่นใจมากสำหรับเด็กที่ได้เห็นดวงดาวนับไม่ถ้วนและของเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย
ที่นั่นมีร้านขายของเล่นและพ็อกเก็ตบุ๊ก และแน่นอนว่าเด็กๆ อย่างผมเมื่อมีของมาล่อใจ ก็ต้องขอซื้อบางอย่าง พ่อของผมจึงได้ซื้อหนังสือสี่เล่มและรูบิก หนึ่งในนั้นคือหนังสือประมาณ 250 หน้าเกี่ยวกับความรู้ต่างๆ ในประเทศไทย เล่มอื่นๆ เป็นพวก Pop-sci และประวัตินักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ผมได้อ่านหนังสือพวกนี้จนจบภายในสองวัน
ผมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยสมาธิและความใคร่รู้
หนึ่งปีผ่านไป ผมสมัครบัญชี MSN เป็นครั้งแรก ตามด้วยไฮไฟฟ์และเฟซบุ๊กตามลำดับ Talesrunner เป็นเกมออนไลน์แรกที่ผมเล่น มันถูกดาวน์โหลดในขณะที่ผมออกไปเล่นข้างนอกกับเพื่อน
ผมเริ่มที่จะท่องไปในโหนดที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก เมื่อกลับถึงบ้านหลังจากการเรียนที่เหน็ดเหนื่อย ผมเปิดคอมพิวเตอร์โดยทันที พ่นคำหยาบคายหาเพื่อนผ่าน MSN และอีกอย่างที่ขาดไปไม่ได้เลย เป็นงานอดิเรกของผมในวัยนั้นคือปากดีใส่คนในเกม Talesrunner
กระนั้นผมก็ยังไม่เสียความสนใจในตัวอักษรบนกระดาษหรอกนะครับ
ก้าวเข้าสู่ชีวิตมัธยม การพัฒนาของสมาร์ทโฟนเกิดขึ้นแบบก้าวกระโดด โน้ตบุ๊กขนาดมือเครื่องแรกของผมคือ Xperia L แต่ว่ามันไม่ได้ดีเอาซะเลย และสัญญาณ 3G ในขณะนั้น "มันเหี้ย" (ผมพูดกับตัวเองอย่างนี้จริงๆ) ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ฝูงของการแจ้งเตือนยังไม่ได้ตัวผมไปในตอนนั้น
วิกฤตทางการเมืองของประเทศไทยได้พาผมเข้าไปสู่การค้นหาความเป็นจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเข้าร้านนายอินทร์เพราะเป็นทางผ่านกลับบ้านในทุกวัน และจ่ายเงินเพื่อนำหนังสือหกร้อยหน้า ปกสีแดง เขียนขึ้นโดยอาจารย์ที่เป็นที่รู้จักท่านหนึ่งกลับเข้าห้องนนอน ภายในไม่กี่ชั่วโมง ผมได้ผ่านเข้าไปในเนื้อหาที่หนักหน่วง และเชิงอรรธเป็นจำนวนมาก (บางหน้ามีประโยคเพียงสองถึงสามประโยค ที่เหลือเป็นเชิงอรรธ)
ในตอนนั้นผมได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ เป็น Galaxy S3 มันยังห่วยแตกเหมือนเครื่องเก่าในมุมของผม แต่ก็ดีขึ้นมาบ้างแหละ และความป่วยก็ยังไม่ได้เข้าครอบงำตัวผม
ในปัจจุบัน ผมมี Galaxy S7 Edge อยู่ในมือพร้อมกับแพ็กเกจ 4G กว่า 50GB การแจ้งเตือนถูกแสดงผลอย่างรวดเร็วจากเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูป และทวิตช์ ข้อความจากใครหลายคนได้เด้งขึ้นบนหน้าจอหลังจากการส่งโดยทันทีเพื่อรอการตอบกลับจากผม เรื่องของคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวผมเท่าไหร่นับพันได้ปรากฏให้ผมเสพดั่งเมทแอมเฟตามีน
ผมมองย้อนกลับไปในวันเก่าๆ และพบว่าผมเคยสามารถเพ่งเล็งตัวอักษรนับพันได้โดยไม่ยากเย็น แต่ในตอนนี้การอ่านบทความบน The Guardian โดยไม่ไปทำสิ่งอื่นนั้นแทบที่จะเป็นไปไม่ได้ อะไรที่เกิดขึ้นบนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์อยู่ดีๆ ก็เกิดสำคัญกว่า แม้กระทั่งการเขียนสิ่งนี้ยังยากสำหรับผมที่ทำให้เสร็จได้โดยไม่เข้าไปเช็กอินบ็อกส์เลย
ผมได้ไปงานหนังสือเป็นไปตามปกติทุกปี และได้แบกหนักสือเกือบสิบเล่มกลับบ้าน ผมเปิดหนังสือหนึ่งเล่มและเริ่มที่จะอ่านประโยคแรก ประโยคที่สอง ที่สาม และที่สี่ ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของผมได้สั่นขึ้นมา ผมเปิดมันขึ้นโดยทันที และได้หลุดเข้าไปในปริมณฑลเสมือนที่ทุกอย่างเกิดขึ้นในระดับวินาทีหลายสิบนาที อาการนี้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสุดท้ายผมก็ได้เห็นอาการป่วยในตัวเอง
ดังนั้นแล้วผมจึงบังคับตัวเองให้อ่านจบหนึ่งบท สองบท สามบทและตัวเลขในการอ่านให้จบบทก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงค่อยหยิบอุปกรณ์นั้นขึ้นมา เมื่อไม่มีเนื้อหาให้ผมอ่านหลงเหลือแล้ว ผมฟุบหลับลงบนโต้ะโดยทันที
ในตอนนั้นผมจึงได้ระลึกขึ้นได้ การอ่านไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน แต่ตอนนี้มันเป็นสิ่งที่น่าอ่อนเพลียเหลือเกิน