/ # Social & Politics / 2 min read

เมื่อฉันไม่อยากมีศาสนา

สวัสดีครับทุกท่าน

ผมนั้นเพิ่งได้เริ่มหายใจในโลกมาแค่ 15 ปีเท่านั้น

ใช่ แค่ 15 ปีเท่านั้น สำหรับบางท่านอาจจะไม่นาน สำหรับผมบางเวลาก็รู้สึกผ่านไปนานบางเวลาก็รู้สึกเหมือนผ่านไปเร็ว

เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ

ผมนั้นเติบโตมากับระบบการศึกษาของไทยเหมือนกับนักเรียนทั่วไป ทุกท่านก็คงทราบว่าทุกวันเราก็ต้องมีการเข้าแถวใช่ไหมครับ และก็ต้องมีการสวดมนต์ในนั้นอย่างแน่นอน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของผมที่ทำให้คิดว่า "ทำไมอยู่ดีๆกูถึงเป็นคนศาสนาพุทธวะ"

ผมสวดมนต์ทุกเช้าทุกเช้า โดยสวดแรกๆนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันแปลว่าอะไร แต่โดนครูบอกมาว่าให้สวด ก็สวดๆไป

จนเริ่มตั้งคำถามว่า ทำไมต้องสวดด้วยวะ

แต่แค่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คิดที่จะไม่อยากมีศาสนาหรอกครับ

มันเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งเมื่อปีที่แล้วผมเริ่มอยากลองอะไรใหม่ๆ ท้าทายความเชื่อและมายาคติเก่าๆที่ว่า "คนไม่มีศาสนาเป็นคนไม่มีศีลธรรม จริยธรรม ฯลฯ" ก็เลยตัดสินใจตั้งแต่วันนั้นว่า ตั้งแต่วันนี้ฉันจะไม่มีศาสนา ก็แค่นั้นแหละครับ

ถามถึงเรื่องผลกระทบในชีวิตในตอนนี้ผมว่าไม่มี ผมไม่สวดมนต์ตอนเช้า แต่เคารพธงชาติปกติ เขามีการสอบนักธรรมมีชื่อผม ผมก็ไม่สอบ ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาซักเท่าไหร่ ตัวผมก็ไม่ได้เลวขึ้นแต่ดีขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้

จริงๆก็มีโควตหนึ่งที่ผมอ่านแล้วรู้สึกว่ามันใช่มากคือ “Born Shinto, Married Christian, Buried Buddhists” เป็นคำนิยามของอศาสนิกในญี่ปุ่น มันทำให้ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องมีศาสนาแต่ก็ทำพิธีกรรมได้ โดยไม่ต้องยึดติดกับศาสนาใดก็ตาม

สำหรับความคิดที่ว่าอศาสนิกนั้นเป็นคนไม่ดีผมว่าไม่เกี่ยว จะมีหรือไม่มีศาสนานั้นไม่เกี่ยวกับการทำชั่ว แต่ผมกับคิดว่าศาสนาสามารถทำให้คนมาฆ่าคนศาสนาอื่นได้โดยที่รู้สึกว่ามีความชอบธรรม (ถึงสมัยนี้มีน้อยมากแล้วก็ตาม) ดังนั้นการทำชั่วของคนนั้นเกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อม สภาพสังคมที่เขาอยู่เป็นหลัก ศาสนาอาจเป็น minor thing เท่านั้นในการกล่อมเกลาจิตใจ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว

สรุปแล้วตอนนี้ไม่มีศาสนาก็สบายดี ทำตัวตามปกติ กะว่าจะไปเอาศาสนาออกจากบัตรประชาชนในเร็ววัน

ปล.ผมไม่เคยดูถูกศาสนิกชนคนอื่นนะครับ ไม่ขัดศรัทธาคนอื่นอยู่แล้วยกเว้น ธรรมก_ย นี่รับไม่ได้

เมื่อฉันไม่อยากมีศาสนา
Share this